“อนันดา เอ็มเอฟ”เสนอ 5 ทางออกช่วยลูกบ้านแอซตัน อโศกกรณีใบอนุญาตก่อสร้าง

You are currently viewing “อนันดา เอ็มเอฟ”เสนอ 5 ทางออกช่วยลูกบ้านแอซตัน อโศกกรณีใบอนุญาตก่อสร้าง

สืบเนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด มีคําพิพากษายืนตามคําพิพากษาศาลปกครองกลาง วินิจฉัยว่าที่ดินของ รฟม.ไม่อาจนํามาให้บริษัทอนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัดหรือเอกชนใช้ในการทําโครงการได้ จึงทําให้หน่วยงานของรัฐไม่อาจออกใบอนุญาตในการก่อสร้างโครงการแอซตัน อโศกได้ มีผลให้ใบอนุญาตไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามคดีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนกับพวก (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นฟ้องผู้อํานวยการเขตวัฒนา ที่1 , ผู้อํานวยการสํานักการโยธา ที่ 2 , ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ 3 , ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ 4 , คณะกรรมการผู้ชํานาญการ พิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน ที่ 5 (ผู้ถูกฟ้องคดี) และบริษัทอนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด “บริษัทฯ” ซึ่งไม่ใช่ผู้ถูกฟ้องคดีโดยตรง แต่ถูกเรียกเข้ามาในฐานะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากผลแห่งคดี ในฐานะผู้ร้องสอด ในคดีหมายเลขดําที่ อส 67/2564 หมายเลขแดงที่ อส.188/2566 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 นั้น

บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด  ขอแจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อหาทางออกสำหรับเจ้าของร่วม และชี้แจงประเด็นอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้

  1. แนวทางแก้ไขกรณีใบอนุญาตก่อสร้าง บริษัทกำลังเร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขซึ่งมีอยู่หลายแนวทางที่มีความเป็นไปได้ ดังนี้
    • ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ โดยการซื้อ หรือหาที่ดินเพิ่มเติม
    • เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่าน สำนักการโยธากรุงเทพมหานครไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ไปยังคณะรัฐมนตรี
    • เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่าน รฟม. เสนอผ่านกระทรวงคมนาคม ไปยังคณะรัฐมนตรี
    • ประสานเจ้าของเดิม ให้ยื่นทบทวนสิทธิ์ที่ดินทางเข้า-ออกจาก รฟม. ให้ทบทวนสิทธิที่ดินเดิมก่อนเวนคืน ควรให้สิทธิ์ทางเข้า-ออกอย่างน้อย 12-13 เมตร เพื่อให้สามารถขึ้นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษได้
    • ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้พิจารณาพิพากษาคดีใหม่ เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป
  2. แนวทางช่วยเหลือ เรื่องการผ่อนชำระสินเชื่อของท่านเจ้าของร่วมที่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้เร่งประสานงานกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการผ่อนชำระสินเชื่อของเจ้าของร่วมที่ยังมีภาระผูกพันกับสถาบันการเงิน โดยได้เชิญสถาบันการเงินต่างๆ เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนในการผ่อนชำระของเจ้าของร่วม ดังนี้

2.1 ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาแนวทางด้านการผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

2.2 ขอให้สถาบันการเงินพิจารณาแนวทางสำหรับมาตรการลดภาระในการผ่อนชำระอื่นๆ

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาจากสถาบันการเงิน หากได้รับความคืบหน้า บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของร่วมทราบโดยเร็ว

ส่วนประเด็นการออกใบอนุญาตเปิดใช้อาคารแบบมีเงื่อนไข เป็นประเด็นเรื่องข้อสงวนที่ กทม. กำหนดว่าบริษัทจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อบริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้อง หากผลการพิจารณาของศาลปกครองเป็นที่สุดว่าโครงการดำเนินการขัดต่อกฎหมายควบคุมอาคาร ข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฎอยู่เพียงในใบรับรองการก่อสร้าง (อ.6) ซึ่งเอกสารดังกล่าว กทม.ออกให้บริษัทหลังจากที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและได้มีการขายให้กับลูกค้าแล้ว

นอกจากนี้ ในใบอนุญาตอื่นที่กทม. ออกให้แก่บริษัทก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีข้อความทำนองนี้ปรากฎอยู่ในใบอนุญาตแต่อย่างใด  และบริษัทมีความตั้งใจที่จะร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกับ กทม. ต่อไป

ส่วนเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์ และรับทราบสถานะคดี บริษัทได้แจ้งเรื่องของคดีที่อยู่ในศาลปกครอง นับแต่ที่ลูกค้าได้ทำการซื้อขายห้องชุดกับบริษัทฯ ตามลำดับดังนี้

– ในช่วงแรก ที่บริษัทไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจะซื้อจะขาย บริษัทได้ขอขยายระยะเวลาโอนกรรมสิทธิ์ โดยแจ้งเรื่องคดีของโครงการให้ลูกค้าทราบ พร้อมทั้งเสนอแนวทาง 3 ข้อให้ลูกค้าพิจารณา คือ การยกเลิกสัญญา และคืนเงิน,การย้ายโครงการตามที่บริษัทกำหนดไว้ และหากถือสัญญาไว้ต่อจนถึงครบกำหนดการขยายระยะเวลา (26 มีนาคม 2562) จะได้รับส่วนลด ณ วันโอน ในอัตรา 7.5% ต่อปีของเงินที่ชำระมาแล้วทั้งหมด

โดยลูกค้าที่เลือกรับโอนกรรมสิทธิ์ บริษัทได้ส่งหนังสือขอบคุณ พร้อมทั้งแจ้งสถานะเกี่ยวกับคดีของโครงการให้รับทราบด้วย (จากลูกค้าจองทั้งหมด 766 ราย มีลูกค้ายกเลิกสัญญาทั้งหมด 244 ราย, ย้ายโครงการ 4 ราย และอยู่รอโอนกรรมสิทธิ์ 518 ราย  หลังจากที่บริษัท ได้มีการแจ้งให้ลูกค้าทราบทั้ง 3 แนวทาง)

นอกจากนี้บริษัทได้จัดส่งเอกสารแจ้งสถานะคดีของโครงการ ในหนังสือนัดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ไปยังลูกค้าทุกราย ซึ่งได้รับการลงนามการตอบรับมาเป็นส่วนใหญ่สำหรับลูกค้าที่ซื้อและทำสัญญาจะซื้อจะขาย ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ได้รับทราบสถานะคดี ตามที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้ในบันทึกแนบท้ายสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด ดังนั้นลูกค้าของโครงการได้รับทราบสถานะของคดีมาโดยตลอด