พีดีเฮ้าส์เผยตลาดรับสร้างบ้าน Q3/66 ชะลอตัวหลังเจอพิษเศรษฐกิจ เงินเฟ้อพุ่ง หนี้ครัวเรือนขยับฉุดกำลังซื้อหายหวั่นตลาดซึมยาว ชี้โค้งสุดท้ายเจอศึกหนักผลกระทบน้ำท่วมขัง ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล–ปาเลสไตน์ กระทบความเชื่อมั่น ซ้ำต้นทุนเพิ่มราคาวัสดุพุ่งไม่หยุดค่าแรงขั้นต่ำจ่อขยับ แบกรับต้นทุนไม่ไหว เล็งปรับราคาบ้าน 3-6% พร้อมเร่งปลุกความเชื่อมั่นดันกำลังซื้อโค้งสุดท้าย
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป (กรุงเทพ) จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3/2566 ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ผลพวงจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจราคาวัสดุ และความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองส่งผลให้กำลังซื้อปรับลดลง ถึงแม้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัวอยู่ หนี้ครัวเรือนก็ปรับสูงขึ้นรวมถึงปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ ทำให้ผู้บริโภคยิ่งระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2566 ที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนยอดขายแบ่งออกเป็นบ้านในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท คิดเป็น 42.9 % บ้านกลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็น 42.3 % และบ้านในกลุ่มราคา10-20 ล้านบาทอีก 14.8 %
อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ปลูกสร้างบ้านส่วนใหญ่ยังเป็นลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัด คิดเป็นสัดส่วน83%และลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ–ปริมณฑล 17% ทั้งนี้หากจำแนกสัดส่วนลูกค้าที่ใช้บริการปลูกสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดแยกตามรายภูมิภาคจะพบว่าพื้นที่ภาคกลางมีสัดส่วนสูงสุดถึง38% รองลงมาเป็นพื้นที่ภาคอีสานประมาณ 23% ภาคใต้ 12% และภาคเหนืออีก 10%
“จากตัวเลขยอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 จะพบว่าบ้านในกลุ่มราคา 8-10 ล้านบาทชะลอลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จากที่คาดการณ์ว่าภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่เศรษฐกิจน่าจะพลิกฟื้นขึ้นแต่ถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความชัดเจน อาจจะต้องรอดูในช่วงในไตรมาสสุดท้ายหากรัฐบาลสามารถผลักดันนโยบายที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจก็เชื่อว่าผู้บริโภคในกลุ่มนี้น่าจะกลับมาตัดสินใจปลูกสร้างบ้านอีกครั้ง” นายพิศาล กล่าว
ด้าน น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์และมาตรฐานธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาส 3/2566 ชะลอตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่มีความผันผวน แต่ทั้งนี้หากมองจากตัวเลขยอดขายรวมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมายังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตามในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ธุรกิจรับสร้างบ้านอาจจะต้องเจอผลกระทบจากภายนอกประเทศโดยเฉพาะเรื่องของความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล–ปาเลสไตน์ ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศอาจจะไม่ขยายตัวอย่างที่คาดการณ์ไว้ส่วนปัจจัยลบภายในประเทศ เรื่องปัญหาน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ส่งผลต่อการขนส่งวัสดุที่ล่าช้า และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอิฐมวลเบาที่ปรับสูงขึ้นเกือบ 40% ปูนซีเมนต์ โครงสร้างสำเร็จรูป ฯลฯ รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำที่เตรียมปรับในช่วงต้นปี 2567 และราคาพลังงาน ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อต้นทุนค่าก่อสร้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ และอาจทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่ขยับสูงขึ้นไหว จำเป็นต้องปรับราคาบ้านขึ้นอีก 3-6%
“สำหรับพีดีเฮ้าส์ยังคงจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและวางแผนปลุกความเชื่อมั่นเพื่อให้ผู้บริโภครีบตัดสินใจปลูกสร้างบ้านในราคาต้นทุนเดิมก่อนที่จะมีการปรับราคาบ้าน พร้อมกันนี้บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวแบบบ้านซีรีส์ใหม่ Modern Tropical และยังคงเน้นย้ำถึง 3 แนวคิดหลักคือ บ้านประหยัดพลังงาน บ้านผู้สูงอายุ และบ้านสุขภาพที่ดีเพิ่มออกซิเจนและปลอดฝุ่นPM2.5” น.ส.ถิรพร กล่าวในที่สุด