บริทาเนียฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯแม้ยังเผชิญปัจจัยลบ แต่ดีมานด์บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปยังมีต่อเนื่อง ระบุหากสงครามการสู้รบยังยืดเยื้ออาจดันราคาน้ำมัน–วัสดุก่อสร้างพุ่ง แย้มปี 67 เดินหน้าร่วมทุนแลนด์ลอร์ดตามแผน ล่าสุดกระจายเปิดตัวบ้านครอบคลุมแล้ว 10 จังหวัดล่าสุดรุกฝั่งธนฯเปิดตัว “แกรนด์ บริทาเนีย ทวีวัฒนา” และ “แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน – ประชาอุทิศ”รวมมูลค่า 3,600 ล้านบาท พรีเซล 4-5 พ.ย. 66 นี้ ตั้งเป้ากวาดยอดขายทั้งปี 12,000 ล้านบาทและรายได้แตะ 8,000 ล้านบาท

นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือBRI เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯว่า ยังมีทิศทางในเชิงบวก แม้ว่าจะมีปัจจัยลบที่หลากหลายเข้ามาก็ตาม แต่มองว่าบ้านระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ดีมานด์ยังมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามมองว่าหากสงครามระหว่างรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–ปาเลสไตน์ ยังยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและราคาวัสดุก่อสร้าง ที่จะทำให้ราคาบ้านต้องปรับขึ้นตามไปด้วย
ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2567 จะเร่ิมมีความชัดเจนในการร่วมทุนกับแลนด์ลอร์ดที่ดินทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้
สำหรับแผนเปิดโครงการในปีนี้มีทั้งสิ้น 7 จังหวัด เพื่อทำให้มีโครงการสะสมครบ 10 จังหวัดอาทิ ขอนแก่น – บริทาเนีย มะลิวัลย์ (เปิดแล้ว ครึ่งปีแรก),พระนครศรีอยุธยา – บริทาเนียอยุธยา (เปิดแล้ว ครึ่งปีแรก),สมุทรปราการ – บริทาเนีย เทพารักษ์–ศรีนครินทร์ (เปิดแล้วครึ่งปีแรก),ฉะเชิงเทรา – บริทาเนีย มังกรบูรพา,ระยอง – แกรนด์ บริทาเนีย ระยอง,นนทบุรี – หลายโครงการ (หลายแบรนด์)และกรุงเทพฯ – หลายโครงการ (ส่วนใหญ่บริทาเนียและแกรนด์บริทาเนีย) เป็นต้น
นายสุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ B to the Top ยกทัพแบรนด์ในเครือเปิดโครงการใหม่ทุกเซกเมนต์ กระจายตัวในทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ตลอดจนหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ล่าสุด บริษัทฯได้ขยายอาณาจักรในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ เปิดตัวบ้านเดี่ยว Modern British Luxe โครงการใหม่ “แกรนด์ บริทาเนีย ทวีวัฒนา”(Grand Britania Thawiwatthana) ติดถนนใหญ่เลียบคลองถนนทวีวัฒนา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 46 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยว ขนาด 106.63-162.80 ตารางวา ราคา 18-26 ล้านบาท จำนวน 99 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ถือเป็นแบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” โครงการที่ 2 ในทำเลโซนตะวันตกของกทม. และเป็นโครงการแรกในทำเลดังกล่าวที่พัฒนาขนาดตั้งแต่ 100 ตารางวาขึ้นไป
และ “แกรนด์ บริทาเนีย วงแหวน – ประชาอุทิศ”(Grand Britania Wongwean – Prachauthit) ติดถนนวงแหวน – ประชาอุทิศ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 35 ไร่เศษ เป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 62-106 ตารางวาราคา 8-26 ล้านบาท จำนวน 90 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะเปิดพรีเซลในวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2566 โดยตั้งเป้ายอดขายโครงการละประมาณ 100-200 ล้านบาท
“ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ รวมถึงฝั่งธนบุรี ถือเป็นพื้นที่ที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังแข็งแกร่งทำเลโซนทวีวัฒนาและโซนวงแหวน–ประชาอุทิศ เองถือเป็นทำเลศักยภาพอันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคสนใจซื้อบ้านจัดสรร เพราะ 1.เดินทางง่าย ใกล้ถนนบรมราชชนนี ใกล้ทางด่วนศรีรัชใกล้ถนนราชพฤกษ์ ถนนเพชรเกษม เชื่อมต่อไปได้ทั้งในเมือง นครปฐม นนทบุรี ตลอดจนแหล่งงานแหล่งชุมชนใกล้เคียง เช่น บางแค 2.ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญสามารถเดินทางไปตลาดขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล ได้หลากหลายแห่งในระยะ 10 กิโลเมตร และ 3.ได้พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางและเป็นส่วนตัว เหมาะกับครอบครัวขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการเติมเต็มความสุขในชีวิต” นายสุรินทร์ กล่าว
นายสุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมในช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวไปแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวม10,897 ล้านบาท และในช่วง 2 เดือนที่เหลือ จะเปิดตัวอีก 8 โครงการ สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 สามารถทำยอดขายได้แล้ว 8,500 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 12,000 ล้านบาท และเป้ารายได้ที่ 8,000 ล้านบาท
สำหรับบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 37 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 47,256 ล้านบาท